แคชเมียร์ 6 วัน 5 คืน
ดวงตาคู่เดียวกัน ต่างบุคคลและเวลา มองเห็นหลายสิ่งที่แตกต่างกัน แต่สิงที่มองเห็นเหมือนกันคือความงดงามของทัศนียภาพ จากแคชเมียร์ เลห์ ลาดัก // สวอนทราเวลนำเที่ยวอินเดีย พาท่านลัดฟ้าเมืองไทย ไต่ขอบฟ้าหิมาลัยในแคชเมียร์
31กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2557
Air India
4,1900.-บาท
วันแรก
กรุงเทพฯ - เดลลี - ศรีนาคา D=Dinner |
06.30 คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 10 เคาน์เตอร์ W เพื่อเช็คกระเป๋าสัมภาระและเช็คอินเดินทางสู่ประเทศอินเดีย เที่ยวบินที่ AI333 08.55-12.00 BKK-DEL
08.55 บินตรงสู่ประเทศอินเดีย AI333
12.00 ถึงกรุงเดลลี ประเทศอินเดียตามเวลาท้องถิ่น
(ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง)
รอเปลี่ยนเครื่องสู่ เมืองศรีนาคา แคว้นจามู
แคชเมียร์โดยเที่ยวบินที่ AI427 DEL-SXR
13.20-14.35
13.20 เดินทางสู่เมืองศรีนาคาโดยเที่ยวบินที่ AI427
14.35 ถึงเมืองศรีนาคา รับกระเป๋าสัมภาระและเดินทางสู่ใจกลางเมืองศรีนาคา นำชม สวนโมกุล ที่ตั้งอยู่รอบทะเลสาบดาล ชม สวนชาลิมาร์ (Shalimar Garden) เป็นสวนดอกไม้ที่สร้างขึ้นสมัยราชวงศ์โมกุล ก่อสร้างโดยจักรพรรดิ JEHANGIR เพื่อภรรยา NurJehan และเมืองศรีนาคา แคชเมียร์ เป็นที่มีชื่อเสียงในการจัดสวนตามแบบสมัยของราชวงศ์โมกุล เนื่องจากภูมิอากาศเย็นเหมาะสมในการเจริญเติบโตของต้นไม้ ดอกไม้เมืองหนาว จึงกลายเป็นที่ประทับพักผ่อนของกษัตริย์ราชวงศ์โมกุลในอดีต ชมต้นเมเปิลอายุกว่า 400 ปี ต้นปอปลาร์ ดอกทิวลิป และดอกไม้นานาชนิดตามฤดูกาล จากนั้นนำท่านชม สวนนิซาท (สวนแห่งความสุข) มีวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบที่งดงามและหิมะบนยอดเขาของเทือกเขา PANJALซึ่งตั้งตระหง่านไปทางทิศตะวันตกของหุบเขา NISHAT ชมบรรยากาศยามเย็นของเมืองศรีนาคา
เย็น นำท่านเข้าพัก ณ บ้านเรือ Deluxe House boat ณ ทะเลสาปดาล // บริการอาหารค่ำบนเรือ
วันที่สอง
ศรีนาคา - โซนามาร์ค - คาร์กิล BLD |
06.00 รับประทานอาหารเช้าบนเรือ
07.00 เช็คเอาท์พร้อมออกเดินทางสู่ โซนามาร์ค โซนามาร์ค เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของแคชเมียร์เนื่องด้วยมีน้ำแข็งปกคลุมตลอดปี มีธารน้ำแข็ง หรือ กลาเซียร์ สามารถมองเห็นได้เป็นระยะๆ ที่นี่เหมาะสำหรับการขี่ม้า ซึ่งจะมีบริการม้าแคระสำหรับนักท่องเที่ยว ให้ท่านได้ถ่ายภาพทัศนียภาพของโซนามาร์ค
12.00 บริการอาหารกลางวัน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ คาร์กิล เมืองชุมทางสำคัญที่สุดบนถนนสาย เลห์-ศรีนาการ์ ( Kargil ) เมืองมุสลิม คาร์กิลตั้งอยู่บนที่สูงถึง 2,817 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อุณหภูมิช่วงเดือนสิงหาคมไม่หนาวมาก คาร์กิลคือเมืองที่เชื่อมโยงเส้นทางการค้าขายระหว่าง ศรีนาการ์-เลห์ หุบเขาชันสการ์เมืองใหญ่ริม แม่น้ำสินซูรู (Suru ) ชมทัศนีภาพของหิมาลัยสองข้างทาง เป็นทัศนียภาพที่ล้วนแล้วแปลกตา และสวนผลไม้แอ๊ปปิล แอบพลิคอร์ท ฯลฯ
เย็น ถึงคาร์กิล นำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พัก และบริการอาหารค่ำ // พักผ่อนตามอัธยาศัย
Hotel Carvan Siri
วันที่สาม
คาร์กิล - เลห์ ลาดัก BLD |
07.00 บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
08.00 เดินทางสู่เลห์-ลาดักคือดินแดนที่ซ่อนเร้นอยู่ตรงกลางระหว่างเทือกเขาหิมาลัยและที่ราบสูงคาราโครัม กล่าวได้ว่านี่คือสุดเขตแดนตะวันตกเฉียงใต้ของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเต็มไปด้วยภูเขาหิมะที่สูงถึง 7,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ขึ้นไปโอบล้อมเลห์ (Leh) อันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของแคว้นแคชเมียร์และจัมมู ให้กลายเป็นดินแดนลี้ลับ ที่ยากแก่การเข้าถึง ดาลักห์เคยเป็นหนึ่งในอาณาจักรใหญ่ที่สุดที่เคยรุ่งเรือง อีกทั้งยังเป็นชุมทางการค้าขายของ 1 ใน 3 เส้นทางสำคัญแห่งหิมาลัยโบราณ อันได้แก่ เส้นทางสายแพรไหม เส้นทางเกลือ และ เส้นทางเครื่องเทศ โดยลาลักห์ทำหน้าที่เป็นชุมทางค้าขายสำคัญของพ่อค้าชาววาณิชที่เดินทางมาพบปะแลกเปลี่ยนซื้อขายกันบนเส้นทางแพรไหมทางบกเชื่อมต่อกับเอเชียกลาง เอเชียตะวันตก ตะวันออกกลาง และยุโรปเข้าด้วยกัน ลาดักห์ จึงไม่ต่างกับเบ้าหลอมทางวัฒนธรรมขนาดใหญ่ที่ไม่เหมือนใคร เลห์ เป็นเหมืองหลวงของลาดัก มีภูมิประเทศที่ถือว่าตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่สุดของอินเดีย โอบล้อมด้วยเทือกเขาทั้งสามด้านคือ ทางด้านเหนือติดกับเทือกเขาคุนลุน (Kunlun) ทางด้านตะวันตกติดกับเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) และทางด้านทิศใต้ ติดกับเทือกเขาหิมาลัย (Himalaya) //
12.00 บริการอาหารกลางวัน
บ่าย ระหว่างทางนำชม วัดลามายูรู ( Lamayuru Gompa ) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาหินทรายของภูมิประเทศแบบพื้นผิวดวงจันทร์ ( Moon Landscape ) ลามะยูรูจึงเป็นสถานที่แปลกแยก แปลกตา และลึกที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่จะหาได้ในหลังคาโลกนี้ วัดลามะยูรู มีอีกชื่อหนึ่งว่า ยุงตรุง ทาปาลิง กอมปา ( Yungdrung Tharpaling Gompa ) ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งพระอรหันต์นิมากุง จารึกผ่านมาถึงที่นี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน บริเวณนี้เคยเป็นทะเลสาบอยู่ท่านทำนายว่าจะมีวัดมาเจริญศาสนา ณ สถานที่นี้ท่านจึงได้ตั้งเสาธงมนตราไว้เป็นหมุดหมายสำคัญพร้อมกับแผ่กุศลทานด้วยการโปรยเมล็ดข้าวโพดแด่ดวงวิญญาณของนาคที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ต่อมาเมล็ดข้าวโพดกลับงอกงามขึ้นเป็นรูปเครื่องหมาย สวัสติกะ จากนั้นเมื่อท่านริมโปเช ซังโป ( Rinchen-zang-po ) พาลามะจากอาณาจักรกูเก ( Guge Kingdom ) ของทิเบตตะวันตก มาสร้างวัดตามคำทำนาย // ชม Basko Village sangam point เป็นจุดชมวิวก่อนเข้าสู่เลห์
เย็น ถึงเลห์ นำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พัก // บริการอาหารค่ำ Hotel the ladak or Hotel the Himalaya
วันที่สี่
เลห์ - วัดเฮมิส-วัดทิกเซ-พระราชวังเช-พระราชวังเลห์- Rancho school - Sindhu ghat BLD |
07.00 บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
08.00 นำชมวัดเฮมิส (Hemis monastery ) สร้างเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 มีภาพฝาผนังแบบเฟรสโกที่เก็บรักษาไว้อย่างดี และประติมากรรมความสูงราวอาคาร 3 ชั้นของท่านคุรุปัทมสมภพ Padmasambhava) ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่นำศาสนาพุทธจากอินเดียไปเผยแผ่ในทิเบตเป็นครั้งแรกและเป็นผู้ให้กำเนิดนิกาย Brokpa หรือนิกายหมวกแดง ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานพุทธประติมากรรมเก่าแก่มากมายหลายชิ้น Hemis Gompa วัดที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในลาดักค์ วัดเฮมิส มีความเก่าแก่กว่า 400 ปีแล้วตัวอาราม ประกอบด้วยวิหาร หมู่กุฏิ เจดีย์ หรือ โชว์เตน ( Chorten ) รอบกำแพงวิหารหลัก ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ ทั้งพระศรีศากยมุนีและโพธิสัตว์ องค์สำคัญๆ ประจำนิกาย ดรุกปะ-ฝ่ายการ์จู ( Drugpa-Kagyu ) นอกจากนี้ยังสถูปอัฐิของพระลามมะชั้นใหญ่ในอดีต ส่วนชั้นบนของอารามเป็นสถานที่เก็บรักษาทังก้า ( Thagka ) หรือผ้าพระกฏ ตลอดจนศาสนวัตถุศักดิ์สิทิ์นานาชนิด โดยเฉพาะภาพมัณฑลา ( Mandala ) สมัยศตวรรษที่ 17 ซึ่งวาดขึ้นด้วยสีผสมทองคำแท้ เข้าสู่เขตสังฆวาส มีบานประตูไม้นับร้อยปีและสู่ลานโล่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีระเบียงไม้สองชั้นรายรอบ ตรงกลางมีเสาธงมนตราและทางหนึ่งคือทางขึ้นสู่วิหารหลักของวัด ส่วนเสา บนหน้าต่าง และคานระเบียง ล้วนเป็นไม้เก่าที่แต่งแต้มด้วยสีแดง เหลือง น้ำเงิน ฟ้า เขียวและขาว ขึ้นไปบนอารามส่วนแรกจะพบกับห้องสวดมนต์ขนาดใหญ่ มีภาพพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ พระโพธิสัตว์และผ้าทังก้าโบราณที่หาชมได้ยาก จากนั้นเดินขึ้นสู่ชั้นบนผ่านทางบันไดชันลอดช่องแคบๆ จนไปถึงโถงใหญ่ที่มีพระผู้ดูแลคอยเปิดให้ชม คือห้องประดิษฐานประติมากรรมความสูงเท่าอาคาร 3 ชั้นของท่านปัทมสัมภวะ ( Padmasambhava ) ซึ่งเป็นภิกษุรูปแรกจากอินเดียที่นำศาสนาพทธเข้ามาเผลแผ่ในทิเบต และผู้กำเนิดนิกายหมวกแดง และการกราบไว้แบบอัษฎางคประดิษฐ์ คือนอนค่ำหน้า ซึ่งเป็นท่ากราบพระในศาสนาพุทธนิกายวัชรยานแบบทิเบต โดยการกราบลักษณะนี้ต้อง ใช้อวัยวะ 8 ส่วนสัมผัสพื้น คือ หน้าผาก 1 อก 1 มือ 2 หัวเข่า 2 และปลายเท้า 2 นับเป็นการแสดงความเคารพสูงสุดอย่างหนึ่งต่อสิ่งที่ชาวลาดักห์ศรัทธา
12.00 บริการอาหารกลางวัน
บ่าย ชม วัดทิกเซ วัดติกเซก่อตั้งกลางศตวรรษที่ 15 เป็นวัดในนิกายหมวกเหลือง หรือ นิกายเกลุกปะ เป็นวัดที่ืถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของทิเบตน้อยเลยก็ว่าได้ วัดติกเซอยู่ห่างจากตัวเมืองเลห์ไปราว 17 กิโลเมตรเท่านั้นคะ และ ห่างจากพระราชวังเชประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้นดังนั้นการท่องเที่ยวที่วัดติกเซ่สามารถเที่ยวได้วันเดียวกันการเที่ยวพระราชวังเชเพราะอยู่ไม่ห่างไกลกันมากคะ ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย์ซึ่งมีความสูงเท่าอาคารสองชั้น // ชมพระราชวังเชย์ (Shey Palace) : สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singge Namgyal กำแพงพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ก่อสร้างเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งลาดักห์ ภายในมีรูปปั้นของพระศากยมุณี // ชมพระราชวังเลย์ Leh Palace เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นกลางเมืองเลห์ ขนาดความสูง 9 ชั้นถูกสร้างในปี ค.ศ.1630 มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียง กับพระราชวังโปตาลาในทิเบตคือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน //ชม Rancho Scool เป็นโรงเรียนแห่งแรกของชาวลาดัก ที่นับถือในพระพุทธศาสนาแบบทิเบต สอนเด็กๆในเรื่องวัฒนธรรม ภาษาลาดัก เพื่อบ่มเพาะวัฒนธรรมแบบลาดักให้เจริญงอกงาม // Shindhu ghat ชมทัศนียภาพของแม่น้ำสินธุที่ไหลผ่านเมืองเลย์ที่มีแบล็คกราวน์ของหิมาลัยเป็นตัวชูโรง
เย็น รับประทานอาหารเย็น // พักผ่อนตามอัธยาศัย Hotel the ladak or Hotel the Himalaya
วันที่ห้า
ทะเลสาปปันกอง - Chang la pass BLD |
07.00 รับประทานอาหารเช้า
08.00 ออกเดินทางสู่ทะเลสาปปันกอง Pangong Lake ตั้งอยู่บนความสูง 14,000 ฟุต ( 4,267 ) เหนือระดับน้ำทะเล อยู่บนยอดเขาหิมาลัย มีความยาว 140 กิโลเมตรโดยประมาณ พาดผ่านลาดัก ประเทศอินเดียและลึกเข้าไปในอาณาบริเวณของทิเบตประเทศจีน ทะเลสาปน้ำเค็ม หลายล้านๆปีที่โลกยังคงเป็นทะเล และเหือดแห้งกลายเป็นแผ่นดิน แต่ทว่าความเค็มของเกลือทะเลยังคงมีปริมาณที่สูงมากในทะเลสาปแห่งนี้ ฤดูกาลที่จะมองเห็นทะเลสาปสีครามที่ไร้สิ่งมีชีวิต คือ เดือนมิถุนายน- กันยายน นอกนั้นทะเลสาปจะกลายรูปเป็นน้ำแข็งตามฤดูกาลที่ผันแปร และถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ซึงนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวหรือสัมผัสได้
สัมผัสทัศนียภาพของหิมาลัยที่แปลกตาระหว่างเส้นทาง ชมฝูงจามรี,ดอกไม้ป่าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ,สัตว์เลือดอุ่นที่อาศัยอยู่บนหิมาลัย รวมทั้งพืชพันธ์ที่แปลกตา ไม่สามารถพบเห็นได้ในระดับความสูงที่ต่ำกว่า ( เราจะจอดรถให้ท่านลงไปเก็บภาพประทับใจเป็นระยะๆ) แวะชมจุดชมวิว Chang la pass เป็นจุดที่สูงอันดับที่สามของโลกที่เป็นเส้นทางมอเตอร์ไซด์ ด้วยความสูงประมาณ 5,486 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
12.00 รับประทานอาหารกลางวัน
บ่าย ถึงทะเลสาปปันกอง ให้เวลาอิสระแก่ท่านในการเก็บภาพความประทับใจของทะเลสาปที่อยู่บนหิมาลัยที่มีแบล็คกราวน์ด้วยภูเขาหิมะ ท่านมกลางอากาศหนาวเย็น 12-15 องศาเซลเซียส
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ที่พัก
เย็น ถึงที่พักให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย // บริการอาหารเย็น Hotel the ladak or Hotel the Himalaya
วันที่หก
เลห์ - เดลลี - กรุงเทพฯ B |
05.30 บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
06.00 เช็คเอาท์พร้อมออกเดินทางไปสนามบิน
08.10 บินตรงสู่กรุงเดลลีโดยเที่ยวบินที่ AI446 IXL-DEL 08.10-09.15
09.15 ถึงสนามบินเดลลี รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางสู่ประเทศไทย
12.00 อาหารกลางวัน ณ สนามบินตามอัธยาศัย
13.40 บินตรงสู่กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ AI332 DEL-BKK 13.40-19.35
19.35 ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ
@@@@@@@@@@@@
อัตราค่าบริการรวม
1.ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศไปกลับ กรุงเทพฯ-เดลี-กรุงเทพฯ
2.ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เดลลี-ศรีนาคา // เลห์-เดลลี
3.วีซ่าเข้าประเทศอินเดีย
4.โรงแรมที่พักระดับ 3-4 ดาว
5.รายการนำเที่ยวพร้อมบัตรเข้าชม
6.อาหารทุกมื้อตามระบุในรายการทัวร์
7.รถนำเที่ยว Innova 4-6 ท่านต่อคัน
8.มัคคุเทศก์นำเที่ยวท้องถิ่น
9.ประกันภัยการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท
อัตราค่าบริการไม่รวม
1.ค่าใช้จ่ายส่วนตัว
2.เครื่องดื่มและอาหารที่สั่งพิเศษ
3.ทิปไกด์พร้อมคนขับ
อัตราค่าบริการ
จองและมัดจำ 10,000 บาทต่อท่าน
อัตราค่าบริการ
ห้องพักคู่ ท่านละ 41,900.- บาท
ห้องพักเดี่ยว จ่ายเพิ่ม ท่านละ 4,000.- บาท
หมายเลขบัญชี
1.ชื่อบัญชี นายกฤตศิริ จิตอารี ธนาคารไทยพาณิชย์
สาขาท่าพระจันทร์ กทม.
บัญชีออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 114-217 578-3
เอกสารเดินทาง
1.หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
(นับจากวันเดินทาง)
2.หนังสือเดินทางควรมีหน้าว่างๆ สำหรับประทับตราวีซ่าและตราเข้า-ออก
อย่างน้อย 2 หน้า
3.รูปถ่ายสีหน้าตรง พื้นหลังสีฟ้า หรือขาว ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 4 รูป
(ห้ามใส่เครื่องแบบราชการ) และต้องไม่ใช่สติ๊กเกอร์
หรือรูปพริ้นซ์จากคอมพิวเตอร์ (รูปใหม่ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
4.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน+สำเนาทะเบียนบ้าน
5.กรุณาส่งเอกสารล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน
สถานฑูตอินเดียอาจปฏิเสธไม่รับทำวีซ่าให้พาสปอร์ตของท่าน
ในกรณีดังนี้
1.ชื่อเป็นผู้ชาย แต่ส่งรูปถ่ายที่ดูเป็นหญิง เช่น ไว้ผมยาว
หรือแต่งหน้าทาปาก
2.นำรูปถ่ายเก่า ที่ถ่ายไว้เกินกว่า 6 เดือนมาใช้
3.นำรูปถ่ายที่มีวิวด้านหลัง ที่ถ่ายเล่น หรือรูปยืนเอียงข้าง
มาตัดใช้เพื่อยื่นทำวีซ่า
4.นำรูปถ่ายที่เป็นกระดาษถ่ายสติคเกอร์
หรือรูปที่พริ้นซ์จากคอมพิวเตอร์