ส่วนหนึ่งของคณะทัวร์จากสถาบันไทคดีศึกษา
ม.ธรรมศาสตร์เป็นผู้จัดทริปนี้โดย สวอนทราเวล
รับหน้าทีจัดรายการทัวร์,
เพื่อให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ในภาพนี้
คนที่หล่อที่สุดเป็นวิทยากรบรรยาย "
ทัวร์ถ้าอะชันต้า เอลโลล่า"
ต้องอธิบายและบรรยายกันก่อน ตรงหน้าถ้ำช้าง อยู่ในเมืองออมุมไบ เป็นถ้ำฮินดู
สาวงามอินเดีย ทัวร์อินเดีย ทัวร์จาริกแสวงบุญ ทัวร์แคชเมียร์ ความงดงามยังรอคุณอยู่นะครับ
หน้าปากถ้ำเอเลแฟนต้า
ถ้ำเอเลแฟนต้า
สาวน้อยท่านนี้ คุณอี่ครับ
แฟนพันธ์แท้ ไทคดีศึกษา ธรรมศาสตร์จัดทัวร์ ทัวร์พุกาม พี่เขาก็ไป ทัวร์เนปาล พี่เขาก็ไป
ทัวร์ถ้ำอะชันต้า ทัวร์อินเดีย พี่เขาก็ไป ปัจจุบันนี้
บริหารงาน อุทยานหุ่นขี้ผึ่งสยาม
จ.ราชบุรี
ภายถ้าเอเลแฟนต้า อยู่เมือง
ออรังกาบัด สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานหินดู ตอน อ.ทอม
บรรยายมันส์มากครับ ถ้าเทวรูปพูดได้
คงร้องบอกอาจารย์หยุดเต้นระบำก่อนได้ปะ
ท่าที่อาจารย์กำลังร่ายรำนั้นเป็นท่าของ เจ้าแม่กาลี
ถ้ำเอเลแฟนต้าที่เห็น
มีอายุเกือบสองพันปีนะครับ อยู่ได้ยังไง เพราะเป็นหิน
เจาะหน้าผาลึกเข้าไปข้างในอีก 50 เมตร
เท่านี้ยังไม่พอ ยังแกะสลักรูปเคารพของชาวฮินดู มหัศจรรย์จริงๆ
ไปเถอะครับ ทัวร์อินเดีย ทัวร์ถ้ำอะชันต้า
ถ่ายรูปถ้ำทำยังไงก็ไม่สวย เลยปรับโหมดเป็นขาวดำแทน
นี่เป็นถ้ำอีกแห่งหนึ่งเรียกว่า
ถ้ำกันเหรี เป็นถ้ำทางพุทธศาสนา ในยุคที่รุ่งเรืองหลัง
พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 500 ปี
จึงเกิดถ้ำแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นสำนักสงฆ์ และสถานที่ปฏิบัติธรรม
ทัวร์อินเดีย
ยังมีมากกว่าที่คิดนะครับ
ท่านนี้ อ.ทอม (ดร.อนุชา ทีรคานนท์)
ผู้บรรยายศิลปะ ตัวจริงหล่อมากครับ อาจารย์กำลังบรรยายว่า
เจดีย์ทางพุทธศาสนาในยุค
แรกๆจะเป็นลักษณะกลมๆแบบนี้ เมื่อแพร่กระจายเข้าสู่ South East Asia
จึงมีพัฒนาการรูปทรงต่างๆตามศิลปะท้องถิ่น
นี่คือภาพสลักหินพระพุทธเจ้า ณ ถ้ำกันเหรี ในยุคแรกเริ่ม คล้ายเทวรูป ส่วนหนึ่งได้รับอิทธพลกรีก
ถ้ำกันเหรี แบ่งออกเป็นหลายคูหา ส่วนนี้ใช้งานคล้ายๆอุโบสถ เจาะหน้าผาลึกเข้าไป ภายในมีกุฏิสงฆ์ด้วยครับ
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับอะไร ต้องถามผู้รู้ มัวแต่ถ่ายภาพเลยไม่ได้ฟังคำบรรยาย
นี่คือหน้าผาที่เจาะลึกเข้าไปข้างใน
และแกะสลักจากหินล้วนๆ
เพื่อเป็นสถานที่ทำสังฆกรรมของสงฆ์ในยุคหลังพุทธกาล 500 ปี
ถ้ำแห่งนี้ได้ต้นแบบมาจาก ถ้าอะชันต้า
การแกะสลักถ้ำแห่งนี้ใช้ความปราณีตมาก เพดานทรงโค้ง
ที่มุมไบ
ประเทศอินเดียมีธุรกิจหนึ่งเกิดขึ้น
เพราะเป็นแหล่งที่ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น นั่นคือ รับจ้างซักผ้า
ย่านนี้เป็นหมู่บ้านรับจ้างซักผ้า
ทำกันทั้งหมู่บ้าน ผ้าส่วนใหญ่ก็มาจากโรงแรม โรงพยาบาล ฯลฯ
ถ้าท่านไปอยู่อินเดีย ท่านจะจ้างซักหรือไม่ ต้องไปดูเอาเองด้วยตา
บ่อซักผ้าแบ่งออกเป็นบ่อๆ บ่อไหนไม่มีผ้า ก็ลงไปอาบน้ำกันก่อน ที่จะเอาผ้ามาซัก
ส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟในมุมไบที่สร้างโดยอังกฤษเมือ 100 ปี ที่ผ่าน 1 ชั่วอายุคน ศิลปะโกธิค
ในเมืองมุมไบ
ตึกเก่าแก่สมัยอังกฤษ สวยๆเยอะมากครับในเมืองมุมไบ
มาถึงปากทางเข้า
หมู่ถ้ำอะชันต้าแล้วครับ อาจารย์กำลังบรรยายถ้ำแต่ละคูหาทั้งหมด 28
คูหา ต้องใช้เวลา 1 วันเต็มๆในการเข้าชม
สำหรับคนที่รักงานศิลปะ แต่ถ้าคนไม่ชอบ เดินผ่าน 2
ชั่วโมงก็หมดแล้ว
พี่มด กะคุณแม่ อายุ 72 เดินชมถ้ำ ไม่นั่งเสลี่ยง เก่งมากครับ
ที่หัวเราะนี่ เพราะมีคนนั่งทางใน มาบอกข่าวดี บุรีรัมย์ FC ชนะอีกแล้ว
มองจากระยะไกล นี่เพียงแค่ 1 ใน 28 คูหา ภายในถ้ำอลังการงานสร้างทั้งภาพจิตรกรรม แกะสลักนูนต่ำ และลอยตัว
ผังถ้ำอะชันต้าเป็นรูปเกือกมาครับ ความสามารถของกล้องถ่ายได้แค่นี้
ลักษณะตัวถ้ำอะชันต้า
ใช้วิธีขุดเจาะหน้าผาลึกเข้าไป และแกะสลัก เสาหินแต่ละต้นๆ
ผนังถ้ำยังแกะสลักนูนต่ำ นี่เป็นแค่ 1 คูหานะครับ
ส่วนเพดานถ้ำมีภาพจิตรกรรมอายุ ราวพันปี อายุของถ้ำไม่ต่ำกว่า 2000
ปีครับ เป็นถ้าที่ใช้เป็นศาสนสถานของ ศาสนาพุทธ
จึงเห็นได้ว่า พุทธศาสนาในอินเดียในยุคนั้นรุ่งเรืองมาก
หนุ่มอินเดียมาขอถ่ายภาพร่วมกับอาจารย์ เอะชักไม่แน่ใจว่าใครขอถ่ายกะใครก่อน
ซูมดูเสาหินที่แกะสลัก แต่ละต้นภายในหมู่ถ้ำอะชันต้า ไม่ธรรมดาครับ แกะกันเป็นรุ่นๆ ตั้งแต่หนุ่มจนแก่เลยครับ คนอินเดียเก่งมาก
ถ้ำอะชันต้า คูหาที่เท่าไหร่ไม่ได้จำ
นี่ภายในถ้ำครับ ส่วนด้านหน้าถ้ำที่ตั้งอยู่ตามแนวรูปเกือกม้า
มีบันไดหิน ลงไปลำธารด้านล่าง
นึกย้อนไปเมื่อ 2000 ปีก่อน
เป็นศาสนสถานที่งดงามมากเลยทีเดียวครับ
นี่คือปากถ้ำอีกคูหาหนึ่งของ ถ้ำอะชันต้า สวยงามมากๆครับ ทำได้ยังไง เนรมิตหน้าผาที่มีแต่หินให้มีชีวิตชีวาได้ ไม่ธรรมดา
อยู่ในถ้ำร้อน เปลี่ยนบรรยากาศมาถ้ำมอง มองถ้ำดีกว่า
อีกคูหาหนึ่ง นิยมสร้างเจดย์ในยุคแรกๆในถ้าครับ
บริเวณนี้สงฆ์จะใช้ทำพิธีกรรม
และสำหรับ วิปัสสนากรรมฐาน ครั้งพุทธกาลใช้ไฟตะเกียง
และยางไม้จุดให้แสงสว่างยามค่ำคืน
ไม่แน่ใจว่ามีเทียนไขหรือยัง
พบพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ณ ถ้ำอะชันต้า คูหาที่ยี่สิบกว่าๆ
หมู่ถ้าอะชันต้าที่ท่านชมภาพอยู่ในขณะนี้ ไม่ได้ใช้เวลา 20-30
ปีในการสร้าง แต่สร้างกันเป็นร้อย สองร้อย เป็นพันปี
อย่างต่อเนื่อง
ทำกันเป็นรุ่นๆครับ
บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆครับ (เพราะไมค่อยรู้เรื่องศิลปะ) สวยจนเเทบไม่อยากเชื่อ
ที่น่าทึงกว่าถ้ำอะชั้นต้า
คือ.....ทหารอินเดียรู้จักพระเทพฯ บอกว่าท่านเพิ่งเสด็จมา
..อยากไปเทียวเมืองไทย
และที่น่าทึ่งไปกว่านั้น รู้จัก นาธาน โอมาน
ไม่รู้ว่ารู้จักได้อย่าง
เป็นวิธีโบกรถของสาวไทยในต่างแดน แต่ที่อินเดีย คือวิธีการโบกรัก
นี่ไปโบกกันแถวหน้าป้อมตุลลาบัด
เรากำลังเดินลงไปดูถ้ำปิตาลโขรา ถ้ำเก่าแก่ที่เชื่อว่าเกิดก่อนหมู่ถ้ำอะชันต้า 70 กิโลเมตรจากตัวเมือง ออรังกาบัด
แอบถ่ายจากเบื้องสูง
ภาพจิตรกรรมบนเสาหิน บ่งบอกถึงความเก่าของถ้าได้ด้วย เพราะรูปพระพุทธเจ้ามีประภามงคลเป็นเหมือนร่ม 3 ชั้น ภายหลังพัฒนาเป็นฉัตร
เราย้ายสถานที่นำชมมาที่ หมู่ถ้ำเอลโลร่า แล้วนะครับ ซึ่งประกอบด้วยถ้ำของศาสนเชน พุทธ และฮินดู อยู่ร่วมกันอย่างสันติ
อ.ทอม ผู้บรรยายเล่าว่า
นี่ไม่ใช่รูปเคารพพระพุทธเจ้า แต่เป็นศาสดาของศาสนาเชน ท่านมหาวีระ
ศาสนานี้มีอยู่ในอินเดียเพียงแห่งเดียว
เกิดก่อนพุทธศาสนา มีหลายนิกาย เช่น น่งลมห่มฟ้า
เป็นอีกรูปสลักหนึ่ง ภายในถ้ำเชน ผ่านการลูบไล้นับพันปี
รูปเคารพในศาสนาเชน
ท่านเปรียบเหมือนรูปเคารพในไทคดี บูชาแล้วจะร่ำรวยเงินทอง
ลวดลายเสาสลักแต่ละต้น ในวัดเชน หมู่ถ้าเอลโลร่า
นี่ก็ยังอยู่ที่วัดเชน
ปราสาทหินนครวัด นครธม
ที่เขมรที่ว่ายากในการสร้างเพราะต้องสลักหินเป็นก้อนๆนำมาวางเรียงก่อเป็นปราสาท
แต่นี่ยากกว่า หน้าผาทั้งเขา
เจาะเอาหินตันๆออกให้มันทะลุโปร่งกลายเป็นห้องหับ เป็นร้อยๆห้อง
เสาแต่ละต้นยังต้องมานั่งแกะ นี่ยากกว่า
ตอนแรกมองดูไกลๆผมนึกว่าเป็นงานแบบก่ออิฐถือปูน ปูนปั้น แต่มัน บ่ไจ้ มันเป็นงานแกะ
นี่ภายในวัดเชน
ของหมู่ถ้ำเอลโลร่า อยู่บนชั้นสอง ทั้งหมดมี 3 ชั้น
สร้างยังกะสร้างตึก ไม่ได้แกะหินเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาต่อกัน
แต่ใช้วิธีเจาะกะเทาะหน้าผาเอาหินเป็นก้อนๆออกไปทิ้ง
เหลือไว้แต่ทีจะให้เป็นโครงสร้าง เช่น เสา
ช่างไม่มีฝีมือทำไม่ได้นะ
เพราะถ้าแกะพลาด เสาหินเกิดแตกหัก หาเปลียนใหม่ไม่ได้เลยนะครับ
ใจเย็นมากๆ
ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก หน้าวัดเชน ก่อนจะไปชมวัดพุทธ และฮินดู หมู่ถ้ำเอลโลล่า
ครูเมต เอาท่านี้ไปก่อนนะครับ คอมผมกลับหัวไม่ได้ เมื่อยแล้วบอกด้วย
นี่คือวัดพุทธ ในหมู่ถ้าเอลโลล่า เจาะหน้าผาสร้างเป็นอาคารเรียน 3 ชั้น ลึกเข้าไปภายในเกือบ 50 เมตร
ระเบียงหินบนชั้นที่สามของวัดพุทธ พื้นผิวที่เห็นดูเหมือนฉาบด้วยปูน ทั้งพื้นทั้งเสา คือหินครับ มันถึงอยู่ได้มาเกือบ 2000 ปี
พระพุทธรูปหินแกะสลัก
ใช้วิธีแกะหน้าผาให้เป็นห้องโถงสี่เหลี่ยม
แล้วตามเข้าไปแกะพุทธรูปเข้าไปในผนังหิน เพราะฉะนั้นหัวขโมย
คิดจะยกไปขายไม่ได้เลย เพราะที่ท่านเห็นคือหินชิ้นเดียว ถ้าจะขโมย
ต้องยกเอาออกไปทั้งถ้ำ
อันนี้ต้องการจะบอกว่า จะมาอีก 10 ปีข้างหน้า
คนนี้เป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นบรรยายประวัติศาสตร์ดีมากๆครับ นี่ขนาดฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างนะ ดีที่อาจารย์ทอมมาแปลให้ฟัง
ที่ประทับใจ มากที่สุดในทริปนี้ คือ
วัด ฮินดู ในหมู่ถ้ำเอลโลล่า นี่คือภูเขาหินหนึ่งลูก
ใช้วิธีเจาะกะเทาะเอาหินจากด้านบน ค่อยๆแซะหิน
จากบนลงล่างออกทีละชิ้น พอได้รูปทรง ตัวอาคารก็ใช้วิธี
เจาะเป็นห้องหับ แล้วแกะลายหินจากด้านนอก
เป็นรูปเคารพทางศาสนาฮินดู
มหัศจรรย์สุดๆๆๆ แหม เล่าซะ
เหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์ตอนเขาแกะหิน
ภายในตัวอาคารของวัดฮินดู
นี่คือส่วนฐานของปราสาทหิน ที่เป็นทางขึ้นไปไหว้พระนารายณ์
สิ่งหนึ่งที่ทัวร์ไทยขาดไม่ได้ รูปหมู่ ครับ
ป้อมเดาลาตาบัด เป็นสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจ สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันศัตรู ภายในมีค่ายกล ลวงข้าศึก
ก่อสร้างด้วยกำแพงหินทั้งหมด
ดูจากภายนอกอาจไม่น่าสนใจครับ
บางคนบอกไม่เห็นสวยเลย แต่ผมพาไปดู วิธีการคิดของคนโบราณ
ในการสร้างผังเมืองป้องกันศัตรู
ซึ่งน่าสนใจมากครับ
เท่ห์จังครับ
มาจากนิตยสาร ฉบับหนึ่งในเมืองไทย หานางแบบนายแบบไม่ทัน
การถ่ายแบบ อยู่หน้ากล้องนานๆก็ทำให้คนมีความทุกข์ได้ ไม่รู้คิดอะไร
บีบีมัครา หรือ ทัชมาฮาลน้อย จำลองมา ทัชฮาลสวยกว่าเยอะ อ้าวแล้วพามาทำ ..ไอ้ตูด..เวลามันเหลือคับพี่
ภาพถ่ายแบบเกาหลี ตาต้องโต ปากต้องจู๋ ......เห็นวัยรุ่นถ่ายลงในเฟสหัน ทำไมมันดูน่ารักจังฟะ
พอจบทริปนี้ท่านก็ลาบวชเลยครับ ...ซึ้งในรสพระธรรมจริงๆเลย
ภาพนี้อาจมีส่วนให้ท่านตัดสินใจบวชก็ได้นะ